เกี่ยวกับตัวเรือด

           ภาพเด็กโดนตัวเรือดกัดบริเวณลำตัว                                                                             ภาพผู้ใหญ่โดนตัวเรือดกัดบริเวณหลัง
 

 

ชีววิทยาและนิเวศวิทยา

     เรือดมีการเจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงรูปร่างแบบไม่สมบูณณ์ (Incomplete metamorphosis ) ประกอบด้วย ระยะไข่ (Egg) ตัวกลางวัย (Nymph) และตัวเต็มวัย (Adult) ซึ่งมีรูปร่างคล้ายตัวกลางวัยแต่ขนาดใหญ่กว่า  เรือดตัวเมียวางไข่วันละ1-5ฟอง แต่ก็อาจวางไข่ได้มากถึงวันละ 12ฟอง ตลอดชีวิตเรือดตัวเมียหนึ่งตัวสามารถวางไข่ได้มากถึง 500 ฟอง บริเวณที่เรือดชอบวางไข่ ได้แก่ หัวเตียง ใต้ไม้หัวเตียง ขอบเตียง กรอบไม้ใต้เตียง ฐานรองที่นอน (Box spring) ไม้บัวหัวเตียงและรอบๆห้อง บนที่นอน ขอบที่นอน ใต้ที่นอน โต๊ะข้างเตียงสำหรับวางโทรศัพท์และโคมไฟ โคมไฟข้างเตียง พรมบริเวรริมข้างกำแพง โต๊ะเครื่องแป้ง กล่องใส่กระดาษทิชชูที่ทำด้วยไม้ ที่วางกระเป๋า ตู้เสื้อผ้า เก้าอี้หวาย ผ้าม่าน ผนังห้อง ขอบเสากรอบรูป รูหรือรอยแตกบนผนัง ปลั๊กไฟ ฯลฯ

     ไข่ของตัวเรือดมีสีขาว ยาวประมาณ 1-1.5 มิลลิเมตร มีฝาปิดและมีสารซีเมนต์เหนียวเคลือบอยู่ทำให้ยึดติดกับบริเวณที่วางไข่ ตัวกลางวัยของเรือดมี 5 ระยะ (ระยะที่ 1-ระยะที่5) โดยแต่ละระยะต้องกินเลือดอย่างน้อย 1 ครั้ง จึงจะเจริญเติบโตไปสู่ระยะต่อไปได้ อย่างไรก็ตามตัวกลางวัยของเรือดสามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน 3-4 เดือน โดยที่ไม่ต้องกินเลือดจากระยะไข่จนกระทั่งเป็นตัวเต็มวัยใช้เวลาในการเจริญเติบโตประมาณ 6-8 สัปดาห์ 

     เรือดตัวเต็มวัยมีลักษณะลำตัวแบนรี ยาวประมาณ 5-6 มิลลิเมตร สีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม ส่วนหัวสั้น มีหนวด 4 ปล้องมีปากแบบเจาะดูด (Piercing sucking ) ลักษณะเป็นปล้อง 3 ปล้อง สามารถพับเก็บไว้ในร่องด้านล่างใต้ลำตัวได้ ส่วนอกด้านหน้ามีลักษณะเว้า ด้านข้างขยายออกกว้างกว่าปล้องอื่น ปีกไม่เจริญ มีลักษณะเป็นแผ่นแข็งสั้น(Wing pad) มีขา 6ขา ส่วนท้องเป็นรูปไข่เห็นปล้องชัดเจน ตัวเต็มวัยมีอายุ 6-12 เดือน สามารถหลบซ่อนและไม่ต้องกินเลือดได้นานหลายเดือนจนถึง 1 ปี

 

     โดยปกติแล้วเรือดจะออกมาดูดกินเลือดคนในเวลากลางคืน รวมทั้งในที่มืด เช่น เวลาปิดไฟเข้านอนหรือในโรงภาพยนต์แต่เรือดอาจกัดดูดเลือดคนในเวลากลางวันได้เมื่อต้องการเลือด โดยปกติตอนกลางวันเรือดจะชอบหลบซ่อนตัวและอาศัยอยู่ตามขอบที่นอน ซอกเตียง ซอกเก้าอี้ ตามรอยแตกของพื้นห้อง ผนังห้อง และตามรอยแตกของอาคาร มักพบตัวเรือดตามอาคารสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น โรงแรม โรงภาพยนต์ โรงเรียน รถไฟ รถโดยสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามสถานที่ที่ค่อนข้างสกปรกและมีคนมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เช่นเรือนจำ ค่ายผู้อพยพ ค่ายทหาร เรือดสามารถคลานออกมาจากที่หลบซ่อนได้ไกลถึง 6เมตร เพื่อออกมากัดดูดเลือดคนแล้วกลับเข้าไปหลบซ่อนในที่อยู่เดิมหรือที่ใหม่ได้

การจำแนกชนิดของเรือด

     เรือดที่กัดดูดเลือดคนที่สำคัญมี 2 ชนิด คือ Cimex hemipterus และ Cimex lectularius ปัจจุบันพบตัวเรือดทั้ง 2ชนิด ในประเทศไทย ซึ่งแต่เดิมนั้นเคยมีรายงานเพียงชนิดเดียว คือ C.hemipterus โดยทั่วไปจะพบตัวเรือดชนิด C.hemipterus ในเขตร้อน (Tropical zone) เท่านั้น และเรือดชนิดนี้ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในเขตอื่น ในขณะที่ C.lectularius มีการปรับตัวได้ดีกว่า จึงพบได้ทั่วโลก แต่จะพบมากในเขตอบอุ่น (Tropical zone)

การป้องกันกำจัดเรือด

     การป้องกันและกำจัดเรือดที่มีประสิทธิภาพต้องดำเนินการโดยใช้วิธีการผสมผสานหลายๆด้าน เช่นการให้ความรู้เกี่ยวกับเรือด การสำรวจและประเมินผลก่อนและหลังการควบคุม การควบคุมโดยใช้วิธีทางกายภาพที่เหมาะสม การจัดการสภาพแวด ล้อมของแหล่งที่พบการให้ความรู้เกี่ยวกับเรือดควรมีการฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับชีววิทยาและนิเวศวิทยาของเรือด ตลอดจนวิธีการป้องกันกำจัดเรือด เพื่อให้บุคลากรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเรือดมากขึ้น บุคลากรเหล่านี้ได้แก่

  • บุคลากร/เจ้าหน้าที่ของโรงแรม ได้แก่
  • ผู้จัดการแผนกแม่บ้าน
  • แม่บ้านผู้ทำความสะอาดห้องพัก
  • ช่างซ่อมบำรุง

การสำรวจเรือด

     อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับใช้ในการสำรวจ ได้แก่ ไฟฉาย ปากคีม พู่กัน เหล็กแหลมขนาดเล็ก (สำหรับเขี่ยเรือดที่อยู่ในร่องหรือซอกเล็กๆ) ขวดพลาสติกที่มีฝาปิดแบบเกลียวเก็บเรือด แว่นขยาย แบบฟอร์มบันทึกผลการสำรวจเรือด

 

ดำเนินการสำรวจเรือดอย่างละเอียดถี่ถ้วนทุกมุมของห้องอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนละครั้ง บริเวณที่อาจจะพบตัวเรือดในห้องพัก ได้แก่ หัวเตียง สิ่งประดับเหนือหัวเตียง ขอบเตียง กรอบไม้ใต้เตียง ฐานรองที่นอน Box springไม้บัวหัวเตียงและรอบห้อง บนที่นอน ขอบที่นอน ใต้ที่นอน พรมริมผนังกำแพง โต๊ะหัวเตียง โต๊ะเครื่องแป้ง ที่วางกระเป๋า ตู้เสื้อผ้า เก้าอี้หวาย ผ้าม่าน ผนังห้อง ขอบเสา ขอบหน้าต่าง และกรอบรูป การสำรวจเรือดต้องดำเนิน

การทั้งก่อน และหลังการควบคุม

 

สิ่งบ่งชี้แสดงว่ามีเรือดอยู่ในบริเวณนั้น

  • เรือด (ที่ยังมีชีวิตหรือตายแล้ว)
  • รอยเปื้อนมูลดำของเรือด
  • คราบของเรือดที่ลอกทิ้งไว้
  • ไข่ของเรือด (อาจฟักแล้วหรือยังไม่ฟัก)

การป้องกันกำจัดเรือดโดยไม่ใช้สารเคมี

1.การกำจัดตัวเรือดโดยการใช้วิธีทางกายภาพ

1.1 เครื่องดูดฝุ่น (Vacuum cleaner)

การใช้เครื่องดูดฝุ่นในการทำความสะอาดพรมและพื้นห้องสามารถกำจัดเรือดที่พบอยู่นอกแหล่งหลบซ่อนได้บ้างแต่ไม่สามารถกำจัดไข่หรือเรือดที่หลบอยู่ภายในแหล่งหลบซ่อนได้ ควรดำเนินการกำจัดเรือดที่อยู่ในถุงเก็บฝุ่นภายในเครื่องหลังปฏิบัติงานทันที ไม่เช่นนั้นเรือดที่อยู่ภายในเครื่องดูดฝุ่นดังกล่าวอาจแพ่รกระจายไปสู่ห้องอื่นๆได้การกำจัดเรือดที่อยู่ในถุงเก็บฝุ่นสามรถดำเนินการได้ดังนี้

  • ช่ถุงเก็บฝุ่นในถังซึ้งมีน้ำละลายผงซักฟอกเข้มข้น(ต้องแช่ถุงให้น้ำท่วมมิด)  เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1ชั่วโมง
  • ต้มถุงเก็บฝุ่นในน้ำเดือด เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 นาที
  • อบถุงเก็บฝุ่นในเครื่องอบผ้าที่อุณหภูมิอย่างน้อย  60 C เป็นระยะอย่างน้อย 30 นาที

1.2 ความร้อน (Heat)

การกำจัดตัวเรือดโดยใช้ความร้อนอาจดำเนินการได้หลายวิธีดังนี้

  • การต้มผ้าปูที่นอน ม่าน ตลอดจนเครื่องนอนและเครื่องใช้อื่นๆ ที่ทำจากผ้า ซึ่งเก็บมาจากห้องพักที่พบเรือดในน้ำอุณหภูมิอย่างน้อย 60 C เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 นาที เพื่อกำจัดเรือดและไข่ที่อาจจะยังติดอยู่ในผ้าเหล่านั้นให้หมดไป

  • การซักผ้าปูที่นอนตลอดจนเครื่องนอนและเครื่องใช้อื่นๆ ที่ทำจากผ้าโดยวิธีการซักแห้ง (Dry cleaning) หรืออบผ้า ด้วยเครื่องอบผ้า (Dryer) ที่อุณหภูมิ อย่างน้อย 60 C เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 นาที สามารถกำจัดเรือดได้ทุกระยะ รวมทั้งระยะไข่ด้วย

 

  • ใช้เครื่องพ่นไอน้ำร้อน (Steamer) ฉีดพ่นกำจัดเรือดในบริเวณที่พบ ซึ่งจะทำให้เรือดตายเมื่อสัมผัสไอน้ำที่มีอุณหภูมิสูง อย่างน้อย 60 C (จะเป็นช่วงที่ไอน้ำผ่านออกมาจากปลายท่อไม่เกิน 2.5 ซม.)

 

 

  • ใช้เครื่องทำความร้อน (Heater) อบห้องให้มีอุณหภูมิภายในห้องสูง 50 C เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 ชม. หรือ ที่อุณหภูมิ 60 C เป็นระยะเวลา 1 ชม. สามารถกำจัดตัวเรือดได้รวมทั้งไข่ด้วย ทั้งนี้เป็นการกำจัดเรือด ได้อย่างหมดสิ้น ทุกซอกทุกมุมในห้อง

 2. การปรับปรุงสภาพแวดล้อมบริเวณแหล่งที่พบตัวเรือด

ดำเนินการปรับปรุงห้องพัก หรือการรื้อทำลาย แหล่งหบลซ่อนของเรือดที่มีอยู่ทั้งหมดเช่น รอยขาดของวอลล์เปเปอร์ รอยต่อระหว่างหัวเตียง กับผนังห้อง

รอยต่อระหว่างไม้บัวที่พื้นกับผนังห้องและซ่อมแซมปรับปรุงใหม่โดยใช้ ซิลิโคน (Silicone) หรือ กาวยางยาอุดแนวรอยแตกเหล่านี้เพื่อไม่ให้เป็นที่หลบซ่อนของเรือดอีกต่อไป

 

 

สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หนังสือ เรือด : ชีววิทยาและการป้องกันกำจัด

โดย  : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

        : กระทรวงสาธารณสุข

        : สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ